521 จำนวนผู้เข้าชม |
โดยธรรมชาติ มนุษย์และสิ่งมีชีวิตสามารถได้รับวิตามินดีตามธรรมชาติได้จากแสงแดด และจากอาหารบางชนิด แต่ถ้าคุณมีพฤติเหล่านี้อยู่เป็นประจำ คุณอาจกำลังมีความเสี่ยงที่จะขาดวิตามินดีอยู่โดยไม่รู้ตัว!
1. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ หรือกางร่มเมื่อต้องออกแดด หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดเสมอ
2. ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตกลางแจ้งในเวลากลางวัน ทำงานอยู่ในตึก, ออฟฟิศ, ห้องแอร์, เดินทางด้วยรถติดที่ฟิล์มสีเข้มๆ กว่าจะเลิกงานก็เย็น ไม่ถูกแสงแดด
3. ใส่เสื้อแขนยาว แต่งกายปกปิดผิวหนัง กลัวการโดนแสงแดด
เสี่ยงระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และอาจนำมาซึ่งโรคต่างๆ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle weakness), โรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร (Inflammatory Bowel Disease – IBD), เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, หลอดเลือดหัวใจตีบ, โรคกระดูกพรุนและกระดูกหักง่าย ไม่แข็งเเรง เพราะ วิตามินดี มีหน้าที่ช่วยในการดูดซึมของแคลเซียมและฟอสฟอรัส ถึงแม้เราจะเสริมแคลเซียมกันมากแค่ไหน แต่ถ้ายังขาดวิตามินดี แคลเสริมเสริมที่เราทานกันเข้าไป ก็ยังดูดซึมไปใช้ได้ไม่ดีเท่าที่ควรอยู่ดี
1. ปัจจุบันมีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุน ให้มีการใช้วิตามินดีเสริมเพื่อช่วยต้านโรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งเต้านม, และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยวิตามินดีจะทำงานร่วมกันกับเซลล์เม็ดเลือดขาว (T-Cell)
2. วิตามินดีมีส่วนจำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ปกติ
3. มีส่วนช่วยลดและต้านการอักเสบของเซลล์
4. มีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพในการนำออกซิเจนจากเลือดส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
5. มีส่วนช่วยในการแบ่งเซลล์ (Cell Proliferation) และการพัฒนาเซลล์เพื่อไปทำหน้าที่ซ่อมแซมส่วนสึกหรอต่างๆในร่างกาย
6. มีส่วนช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน (Serotonin) ได้มากขึ้น จึงอาจช่วยลดความเครียด และภาวะซึมเศร้าได้
7. วิตามินดีมีส่วนจําเป็นในการทําให้กระดูกและฟันให้แข็งแรง และมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ดีเพื่อนําไปสร้างกระดูก
8. มีส่วนช่วยในการทำงานของหัวใจ, หลอดเลือด และสุขภาพโดยรวมให้เป็นไปตามปกติ
9. วิตามินดียังมีผลต่อประสิทธิภาพการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา โดยเฉพาะการเล่นกีฬาที่มีความหนักและต่อเนื่องเป็นเวลานาน ที่เรียกว่า Endurance Sport เช่น การวิ่งระยะไกล, การปั่นจักรยาน, ไตรกีฬา
10. ลดอาการเมื่อยล้าและอักเสบของกล้ามเนื้อเพิ่มความแข็งแรง และทนทานของกล้ามเนื้อ
คือการรับจากแสงแแดด วันละ 10-20 นาที (ช่วงเวลา 11.00 - 13.00 น.) แต่ถ้าทําไม่ได้ เราก็สามารถทานเสริมในรูปของวิตามิน D3 ซึ่งเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของวิตามินดี เพราะดูดซึมได้ง่าย ไว และมีประสิทธิภาพดีที่สุด และปริมาณที่แนะนำต่อวัน คือ 3,000 - 5,000 units/วัน
หลังทานต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน แนะนำให้ตรวจหาค่าวิตามินดีในเลือด หากค่าวิตามินดีอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว สามารถลดหรือหยุดทานได้ตามความเหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์หรือโค้ชสุขภาพของคุณค่ะ