1. มิลค์ทิสเซิล (Milk Thistle - Silymarin)
มิลค์ทิสเซิลเป็นสมุนไพรที่ใช้ในการรักษามานานหลายศตวรรษ โดยมีการบันทึกว่ามีอายุเก่าแก่ที่สุดย้อนไปถึงคริสตศตวรรษแรก ซิลิมารินเป็นหนึ่งในสารที่ออกฤทธิ์ในมิลค์ทิสเซิล ซึ่งเป็นกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีคุณสมบัติในการปกป้องและดีท็อกซ์ตับที่นิยมที่สุด
- มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ คือ ไซลิมาริน (Silymarin) ช่วยต้านการอักเสบ
- ปกป้องเซลล์ตับจากความเสียหายจากออกซิเดชัน ลดความเสียหายหรือการถูกทำลายของเซลล์ตับที่เกิดจากการทานยาต่างๆ, การรับสารพิษสารเคมี, การรับยาเคมีบำบัด, โลหะหนัก, แอลกอฮอล์, มลภาวะต่างๆ
- ช่วยลดค่าเอนไซม์ตับในผู้ป่วยโรคตับ
- กระตุ้นการสร้างเซลล์ตับใหม่
- ช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม ปอด และตับ
- ผลดังกล่าวทำให้มิลค์ทิสเซิลเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคตับต่างๆ รวมถึง โรคตับอักเสบซี (Hepatitis C ), โรคตับจากแอลกอฮอล์
ถือเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง และถือเป็นทางเลือกเสริม สำหรับผู้ที่เป็นโรคต่างๆที่เกี่ยวกับตับ แต่อาจเกิดอาการข้างเคียงเล็กน้อยในบางรายได้ เช่น คลื่นไส้หรือปวดศีรษะได้ แต่มักไม่รุนแรงและเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ปริมาณการใช้ที่แนะนำต่อวัน คือ 50- 300 มิลลิกรัม
เพื่อบำรุงตับ: วันละ 50-150 มิลลิกรัม
เพื่อการดีท็อกซ์-บำบัดโรคที่เกี่ยวกับตับวัน ครั้งละ 150 มิลลิกรัม (1-3 ครั้งต่อวัน)
2. แดนดิไลออน (Dandelion)
- ทั้งรากและใบของแดนดิไลออน ผสานด้วยคุณประโยชน์ที่ช่วยในการดีท็อกซ์ตับ
- ช่วยให้ตับแข็งแรงโดยส่งเสริมการกำจัดสารพิษ
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ
- ช่วยสนับสนุนสุขภาพของระบบย่อยอาหาร
- ขับปัสสาวะตามธรรมชาติ เพื่อช่วยในการขับสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีการทำชาแดนดิไลออน ส่วนผสม: - รากแดนดิไลออนแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบแดนดิไลออนแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 2 ถ้วย
วิธีเตรียม: - ผสมรากแดนดิไลออนแห้งและใบอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ในหม้อกับน้ำ 2 ถ้วย
- นำไปต้ม จากนั้นลดไฟและเคี่ยวเป็นเวลา 15 นาที
- กรองชาใส่ถ้วย ทิ้งกากออกไป พร้อมเสิร์ฟ
3. ชาเขียว (Green tea)
ชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันมากที่สุดในโลก และยังถูกนำมาใช้เป็นยาแผนโบราณ
ชาเขียวทำมาจากพืชที่มีชื่อว่า Camellia Sinensis
- มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบในตับ
- ช่วยล้างพิษตับ โดยทำหน้าที่กรองสารพิษออกจากเลือด
- ช่วยเพิ่มเอนไซม์ของตับที่ทำหน้าที่ย่อยสลายสารพิษต่างๆ และแอลกอฮอล์
- มีสารคาเทชิน (catechins) ซึ่งเป็น phytochemical ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
- มีวิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี, โพแทสเซียม, แมงกานีส และแร่ธาตุอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การดื่มชาเขียวอาจมีข้อควรระวัง:
ชาเขียวอาจขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็ก เพราะชาเขียวมีสารแทนนิน (tannins) ที่สามารถจับกับธาตุเหล็กในลำไส้ และขัดขวางไม่ให้ธาตุเหล็กถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบร่างกายของคุณได้
.
4.เห็ดถั่งเช่า (Cordyceps Mushrooms)
5. อาร์ติโชค (Artichoke)
- เป็นพืชที่ช่วยล้างพิษตับได้ดี เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระและไฟโตนิวเทรียนต์ (phytonutrients) ในปริมาณสูง
- มีส่วนช่วยปกป้องตับจากความเสียหายต่างๆ และช่วยปรับปรุงการทำงานของตับ
- เป็นแหล่งของแร่ธาตุและวิตามิน A, C และ E ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
- มีไฟเบอร์พรีไบโอติก ซึ่งช่วยส่งเสริมให้จุลินทรีย์ในลำไส้มีสุขภาพดี
เป็นอาหารที่ค่อนข้างปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงหรือข้อควรระวังใดๆ หากทานในปริมาณที่พอเหมาะ
6.ขมิ้น (Turmeric)
ขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรต้านมะเร็งอันดับ #1 ที่ใช้มานานมากกว่า 6,000 ปี เป็นสมุนไพรที่มีการทำงานวิจัยและทดสอบมากที่สุด กว่า 50 ปีมาแล้ว! ในขมิ้นชันมีสารออกฤทธิ์สำคัญที่เรียกว่า เคอร์คิวมินอยด์ (Curcuminoids)
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมากเป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียว
- ช่วยปกป้องตับจากความเสียหายจากการอักเสบ และอนุมูลอิสระ
- ปรับปรุงการทำงานของตับ
- ช่วยส่งเสริมการล้างพิษโดยกระตุ้นการผลิตน้ำดี
ทานได้ทั้งแบบสด, แบบผง และสกัดแคปซูล
เวลาทานให้ผสมพริกไทยดำป่น เพื่อเป็นตัวช่วยให้ร่างกายสารสามารถดูดซึมนำสาร Curcumin ไปใช้ได้
อย่างไรก็ตาม การทานขมิ้นอาจมีผลข้างเคียงได้เช่นกัน เช่น การอาการรู้สึกไม่สบายท้อง
และมีผลกับยาบางชนิด ดังนั้นหากคุณมีโรคประจำตัวที่มีการทานยาประจำ ควรปรึกษากับแพทย์ร่วมด้วย
7. กระเทียม (Garlic)
- กระเทียมเป็นเครื่องเทศที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งมากที่สุดอันดับ #1
- มีคุณสมบัติในการล้างพิษตับ
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มการผลิตน้ำดี ซึ่งจะช่วยขับสารพิษออกไป
- เป็นยาปฏิชีวนะ และสารต้านการอักเสบจากธรรมชาติที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ และลดการอักเสบได้
อย่างไรก็ตาม การทานกระเทียมในปริมาณมากๆสามารถทำให้เลือดเจือจางได้ ดังนั้นผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือมีอาการเลือดออกผิดปกติ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
8. สาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina)
- สาหร่ายสไปรูลิน่าสามารถช่วยป้องกันความเสียหายของตับและตับวาย
- มีวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยขับสารพิษที่เป็นอันตรายออกจากร่างกาย
- กำจัดโลหะหนักออกจากร่างกายได้
- ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้นโดยการซ่อมแซมเซลล์ตับ
- มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีโรคตับเรื้อรัง
9. คลอเรลลา (Chlorella)
- คลอเรลลาประกอบด้วยคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นเม็ดสีที่จะจับและช่วยกำจัดสารพิษ เช่น โลหะหนัก เช่น ตะกั่ว แคดเมียม โครเมียม และปรอท และยาฆ่าแมลงออกจากร่างกายwfh
- สนับสนุนกระบวนการกำจัดสารพิษตามธรรมชาติของร่างกาย
- ช่วยปรับปรุงการทำงานของตับในผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง หรือมะเร็ง
- ส่งเสริมการขับถ่ายให้เป็นปกติ และช่วยกำจัดของเสียและสารพิษออกจากระบบย่อยอาหาร
- มีสาร antioxidants เช่น vitamins A, C, and E ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่อาจทำอันตรายต่อเซลล์ได้
10. สาหร่าย Dulse