19 จำนวนผู้เข้าชม |
ผักโขมต้านมะเร็ง
เชื่อว่าหลายคนรู้จักผักโขมจากการ์ตูนยอดนิยมคือป๊อบอาย ซึ่งเมื่อไหร่ต้องการพลังวิเศษก็จะทานผักโขมเข้าไป
ผักโขมไม่ได้เป็นเพียงพลังพิเศษเฉพาะในการ์ตูนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงผักโขมเป็นผักที่มีสรรพคุณทางยาและคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมายเลยทีเดียว ส่วนรสชาติก็ไม่ได้มีรสขมเหมือนชื่อ ผักขมหรือผักโขม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amaranthus viridi เป็นผักที่ขึ้นตามแหล่งธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นริมทาง ป่าละเมาะ ป่ารกร้าง ลักษณะของผักโขมเป็นไม้พุ่มเตี้ยและเป็นพืชล้มลุกปีเดียว สูง 30-100 ซม. ลำต้นอวบน้ำมีสีเขียวตั้งตรงแตกกิ่งก้านสาขามาก โคนมีสีแดงน้ำตาล ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่คล้ายสามเหลี่ยม มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภาค ภาคกลางเรียกว่า ผักขม ภาคใต้เรียกว่าผักโหม, ผักหม ภาคเหนือแถบจังหวัดแม่ฮ่องสอนเรียกว่า ผักโหมเกลี้ยง
ผักโขมเป็นผักใบเขียวที่มีวิตามินเอ บี 6 ซี ไรโบฟลาวิน โฟเลต และแร่ธาตุ สำคัญได้แก่ แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ข้อมูลทางโภชนาการของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA National Nutrient data base) เผยว่า ผักโขมสด ปริมาณ 100 กรัม ให้คุณค่าทางสารอาหาร ดังนี้
ประโยชน์ของผักโขม
ผักโขมมีฤทธิ์ต้านมะเร็งหลายชนิดได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ เนื่องจากผักโขมมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งสารนี้ช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็ง ทำให้มีการศึกษาเพื่อทดสอบการต่อต้านมะเร็งของผักโขม ทั้งการศึกษาในห้องทดลองและการให้หนูกินผักโขมโดยตรง
ซึ่งการศึกษาในห้องทดลองพบว่าหลังจากหยดสารสกัดสควอลีนจากผักโขมลงบนเซลล์มะเร็ง สารสกัดดังกล่าวมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ เซลล์มะเร็งเต้านม และเซลล์มะเร็งสำไส้ใหญ่ได้ แต่ในเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่จะเห็นผลน้อยกว่าเซลล์มะเร็งอีก 2 ชนิด ผักโขมสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูผักโขมอบชีส ซุปผักโขม ลาซานญ่าผักโขม แกงจืดผักโขมเป็นต้น หรือจะนำมาปั่นคั้นเอาแต่น้ำมาทำเป็นเครื่องดื่มใส่น้ำแข็งแช่เย็นก็ดับกระหายได้อย่างชื่นใจ แต่ทั้งนี้ควรทานผักโขมในปริมาณที่พอเหมาะสำหรับร่างกาย ปริมาณที่ควรทานต่อวัน 400-500 กรัมและไม่ควรทานดิบ ควรปรุงให้สุกทั้งนี้เพื่อเป็นการทำลายกรดออกเซลิคจะดีกว่านะคะ